Sunday, March 20, 2016

เรื่องเล่าเกี่ยวกับ Pôle Emploi และการหางาน

สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ Le premier jour du printemps แต่อากาศก็ยังหนาวอยู่สำหรับคนไทยอย่างเรา
มาดามชอบหายตัวไปนาน ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ไม่มีเรื่องมาเล่า ไม่มีอารมณ์มาอัพอะไรเท่าไหร่ ก็อารมณ์เดิม ๆ นะคะ คือ เบื่อ เซ็ง กับชีวิตในฝรั่งเศส แต่พอได้อ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่งที่เพื่อนที่ทำงานเก่าในไทยได้มอบให้ก่อนเดินทางมาตั้งรกรากที่ประเทศหกเหลี่ยมนี้ เกือบ 2 ปี แล้วค่ะที่ได้มา ไม่เคยเปิดอ่านเลย เพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ หลังจากได้หยิบอ่านหนังสือเล่มนี้ "ทำเต็มที่ ไม่ซีเรียส" ผ่านโปรแกรม Read for the blind (RFB) ก็เลยคิดได้ว่าจะไปเครียดทำไม ก็เราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ยิ่งเครียด ก็ยิ่งทุกข์ ชีวิตไม่มีความสุข
พล่ามนานแล้ว มาเข้าเรื่องเลยละกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากการไปเดินในงาน Forum Formation et Emploi ทีเมืองที่มาดามอยู่ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2559 ก็ได้ร่อนใบสมัครไปที่ห้าง Leclerc พอตกบ่ายก็มีเจ้าหน้าที่โทรกลับมา แต่มาดามนั่งอยู่บนรถ คือ ระหว่างทางที่ไปซื้อของเข้าบ้าน (ไม่อยากบอกว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ฝรั่งเศสนี่ ห่วยกว่าที่ไทยมาก ยิ่งอยู่บ้านนอกแบบมาดามก็นะ อย่าถามถึง 4G เลย แต่ 3G ยังไม่มีใช้ตลอดทั้งวัน มีแค่บางช่วงเอง) ก็เลยคุยไม่รู้เรื่อง เลยต้องให้ลุงจอกรถแล้วโทรกลับไปไหม (ได้โปรดอย่าคิดว่ามาดามพูดคล่องปร๋อนะคะ พูดไม่รู้เรื่อง ต้องพยายามพูดหลาย ๆ รอบมาก กว่าจะได้คุยกับเจ้าหน้าที่ HR) สรุป คือ ได้นัดสัมภาษณ์วันจันทร์ช่วงบ่าย มาดามก็ไปตามนัด เป็นครั้งแรกที่ได้สัมภาษณ์งานเป็นภาษาฝรั่งเศสค่ะ ตื่นเต้น แต่นี่รอมาหลายวันแล้ว คงรับประทานแห้วเหมือนเดิมค่ะ แต่ไม่ซีเรียสแล้ว เพราะเราได้พยายามเต็มที่แล้วค่ะ แถมคนที่มาสมัครงานก็มีเยอะมาก เอกสารของผู้สมัครตั้งหนาเชียว เรามันกะเหรี่ยงผิวเหลือง แถมอายุก็มาก คงไม่ได้รับเลือกค่ะ
จากประสบการ์ส่วนตัวของมาดาม ที่ใช้ชีวิตในเมืองน้ำหอมนี้มาเกือบ 2 ปี ทำให้ตระหนักถึงข้อด้อยในการหางานของกะเหรี่ยงแบบมาดาม ดังนี้
  • ชื่อแปลก หางานยากกว่า - คนฝรั่งเศสแอบเลือกปฏิบัติ คือ เหยียดผิว พอเราร่อน CV ไป จะไม่ติดต่อกลับ เสมือนเมล์ของโดนกักเป็น spam mail ประมาณนั้น เปรียบเทียบให้เห็นเป็นรูปร่างนะคะ ง่าย ๆ ชื่อผู้สมัครงานใน CV ชื่อ Cindy กับ Saifon บริษัทเลือกที่จะติดต่อกลับ Cindy มากกว่า เพราะ Saifon นี่ ชื่อไม่ไปทางยุโรป ตะวันตกเลย
  • อายุ 40 อัพ หางานยากมากกกก - ประเทศฝรั่งเศสมักนิยมจ้างเด็ก คนจบใหม่ อายุไม่มาก เพราะไม่ต้องจ่ายเงินเดือนสูง (เดาเอา) แต่จากที่ได้ฟังจากสามี ครูสอนภาษาฝรั่งเศส รุ่นน้องที่อยู่เวียนนา ต่างก็พูดแบบเดียวกัน 
  • ระบบเด็กเส้น - นึกว่าจะมีแค่ในประเทศไทยนะระบบเด็กเส้นนี่ ที่ฝรั่งเศสก็มี คนส่วนมากที่มาอยู่ ไม่นานหางานได้ เพราะมีคนรู้จัก ญาติ หรือ เพื่อนแนะนำให้ไปสมัครงาน ก็จะมีโอกาสได้งานได้สูงกว่าคนที่ไม่ได้มีใครแนะนำ
  • ไม่เลือกงาน หางานทำได้ง่ายมาก จริงเหรอ? - คงจะจริงสำหรับหลายคน แต่สำหรับมาดาม ลองสมัครแล้ว ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ เพราะเราไม่มีประสบการณ์ตรง คนเลยไม่สนใจ ขนาดสมัครงานตรงตาม Field ที่เคยทำมา ยังไม่ได้งานเลย ไม่เข้าใจ 555
  • หวังพึ่งหน่วยงานรัฐในการหางาน - อย่าไปหวังพึ่งใคร ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนี่ดีที่สุดแล้ว ทำไมมาดามพูดแบบนี้ ก็สมัครเข้าระบบ Pôle Emploi มาครบปีแล้ว ก็ยังหางานไม่ได้  ไม่ค่อยได้คำแนะนำหรือคอร์สเรียนเพิ่มศักยภาพ แต่คนอื่นไม่รู้นะคะ อาจได้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี  มาดามขอเน้นย้ำเลยว่า แต่ละเขต แต่ละเมือง มาตรฐานและความช่วยเหลือต่างกันโดยสิ้นเชิง
มาถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับ Pôle Emploi มาดามขึ้นตรงกับเมือง Molsheim ค่ะ  การสมัครเข้าระบบ Pôle Emploi มีทั้งข้อดีและข้อเสีย และเราไม่ควรคาดหวังว่าหน่วยงานนี้จะช่วยเหลือเราได้อย่างเต็มที่ ไม่เลยแม้แต่น้อย (แต่คนอื่นอาจจะได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานนี้ อันนี้มันแล้วแต่ดวงว่าขึ้นกับเจ้าหน้าที่คนไหน เขตไหน เป็นต้น)
  • เข้าระบบ Pôle Emploi ต้องเข้าไปรายงานตัวประจำเดือนในเพจของ Pôle Emploi ถ้าลืม เขาก็จะเตะเราออกจากระบบ 
  • สมัครเข้าระบบ Pôle Emploi แล้ว ไม่ได้อยู่ตลอดชีพ พอวีซ่าที่ได้มา เช่น แสตมป์ OFII หรือ  Carte de séjour หมดอายุ ถ้าไม่เอาใบแทนที่ได้มาจาก Préfecture หรือ Carte de séjour ใบใหม่ไปยื่น ก็โดนเตะออกจากระบบไปโดยปริยาย เคสมาดามเจอมาแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งเมล์มาแจ้งเตือน หรือ จดหมายแจ้งล่วงหน้าเลย 
  • เมื่อมีนัดหมายรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ต้องไป ถ้าไปไม่ได้ ก็จะถูกลบออกจากระบบเช่นกัน อันนี้โดนมาแล้วเหมือนกัน คือ มาดามได้รับเมล์แจ้งนัดให้เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ พอได้รับเมล์ปุ๊บ มาดามเมล์ขอเลื่อนวัน เป็นวันศุกร์ช่วงบ่าย เพราะลุงว่าง สามารถขับไปส่งได้ เมล์ไปมาเป็น 10 ได้ คุณเธอไม่เลื่อนให้ พอเราไม่ไป เลยมีจดหมายส่งมาว่าจะตัดออกจากระบบ ทีนี้ เป็นมหากาพย์เลย เพราะมาดามขอร้องเรียน เขาให้เขียนจดหมายอธิบายว่าทำไมไม่ไปตามนัด มาดามเลยจัดให้ชุดใหญ่ จดหมายอธิบาย 2 หน้า เขียนเรียงซีรีส์การโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรา และแนบเอกสารอ้างอิง คือ เมล์ที่โต้ตอบระหว่างกัน ทั้งหมด 12 หน้า (เดาว่าคงไม่มีใครทำแบบนี้) ผล คือ อนุโลมให้อยู่ในระบบต่อไป และเปลี่ยนจากการเข้าพบเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงาน Pôle Emploi มาเป็น 100% Web 
          มีหลายคนที่มีปัญหากับเรื่องนัดหมายนี้มากค่ะ ไปไม่ได้เพราะป่วย ก็ยังโดนเตะออกจากระบบ ของมาดาม คือ ขอเลื่อนนัด แต่ไม่เลื่อนให้ แถมปัญหาการสื่อสารระหว่างกัน เพราะภาษาเราไม่แข็งแรง  พยายามเขียนเอง อ่านเอง ก็ตีความเข้าใจไปอีกทาง มาดามตบท้ายแบบดราม่าว่า ไปตามนัดได้ นั่งรอได้เป็นชั่วโมง แต่ขากลับนี่ไม่รู้ว่าจะไปรอรถที่ไหน 2-3 ชั่วโมงท่ามกลางความหนาวเหน็บ (คนที่นี่ค่อนข้างชอบอะไรที่ดราม่า แต่นี่เป็นเรื่องจริง ก็ไม่มีรถ ขับรถไม่ได้ ต้องนั่งบัส แถมนาน ๆ ที มีคัน ไม่ได้มีทั้งวัน ห้างไม่มีให้ไปนั่งเล่น จะให้เดินเข้าเมืองก็ไกล สุดท้ายก็อนุโลมให้)
  • การติดต่อกับ Pôle Emploi ด้วยระบบ 100% Web ห่วยแตกมาก  อย่าไปคาดหวังว่าจะ Hi-tech คือ ระบบปฏิบัติการของ Adobe Connect ซึ่งใช้ Flash มันไม่สามารถใช้ Iphone ได้เลย ใช้ได้แต่ Tablet หรือ Computer แถมบ้านไหนไม่มีกล่อง Internet ก็นะจบเห่แบบมาดาม (ปกติใช้ wifi ของมือถือเชื่อมเข้า Internet เนื่องจากประหยัด ไม่อยากเสียเงินค่าบริการ ลองคิดดูว่าแต่ละเดือนต้องจ่ายค่าบริการมือถือ ทั้งของมาดาม ของสามี และต้องมาจ่ายค่า Box อีก สมมติว่า 20€ X 3 = 60€ มันไม่จำเป็นต้องจ่ายขนาดนี้เลย) พอไม่ work เลยได้เปลี่ยนกับมาใช้ระบบติดต่อที่สำนักงานแทน
  • อย่าได้คาดหวังว่าเจ้าหน้าที่มีความสามารถมาก สามารถแนะนำเราได้สารพัด และจะช่วยเหลือเราอย่างดี ในความเป็นจริง ถ้าคุณเจอเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคุณ หรือ Conseiller/ Conseillère ที่ Hyperactive คุณก็อาจจะได้รับคำแนะนำ แนวทางที่ดีสำหรับการหางานได้ ถ้าเจอคนที่ไม่ใส่ใจ ก็รอไปเถอะ แบบมาดาม คนแรก คือ คนที่รับเรื่องของมาดาม ก็สัมภาษณ์ กรอกรายละเอียดไปแค่วันนัดคุยวันแรกเท่านั้น จากนั้นก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่เรียกนัดแต่อย่างใด จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2558 ก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนติดต่อมา (เปลี่ยนคนดูแล) เธอคนนี้ Hyper เกินไป เรียกนัด พอขอเลื่อน ก็ไม่ให้เลื่อน แถมออกแนวบ้าอำนาจด้วย
         เราอาจจะคิดว่าคนทำหน้าที่ให้คำปรึกษานี่ ต้องรอบรู้ทุกอย่าง สามารถแนะนำช่วยเหลือเราได้ แต่ไม่จริงเลย ขนาดภาษาฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่คนนี้ยังเขียนผิดแกรมม่าเลย มาดูกัน

       แถมหล่อนยังให้ข้อมูลผิด ๆ เช่น ตารางรถบัสที่เดินทางไป Molsheim หล่อนบอกว่ามีทุกครึ่งชั่วโมง ในความเป็นจริงไม่มีรถวิ่งทุกครี่งชั่วโมง มาดามได้แคปตารางบัส แถมวงให้เห็นเลย เอาให้หน้าแหกกันไปเลย
      สรุปเขาก็เปลี่ยนคนดูแลเคสมาดาม และวันพุธที่ผ่านมาก็ได้ไปตามนัดหมาย แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลืออะไร  มาดูว่ามาดามได้รับคำแนะนำอย่างไร เพื่อจะได้หางานทำได้
  • หางานไม่ได้ เพราะพูดภาษาฝรั่งเศสไม่คล่อง ต้องการคอร์สเรียนภาษาฝรั่งเศส เน้นพูด ผล คือ แนะนำให้เรียนกับสมาคม Trampoline Molsheim ซึ่งสอนภาษาฝรั่งเศสฟรี (อันนี้เรียนอยู่ เรียนมาปีเศษแล้ว ไม่ต้องแนะนำก็ได้) หรือไปสมัครเรียนที่ Université Populaire ที่เปิดคอร์สให้บุคคลทั่วไป สรุปสั้น ๆ คือ Pôle Emploi ไม่ให้ความช่วยเหลือเรื่องการเรียนภาษาฝรั่งเศส (ที่ตอนแรกเคยได้ส่งตัวไปเรียนกับ APP ก็แค่แกรมม่า แถมได้นั่งทำแต่แบบฝึกหัดทั้งวัน ไม่ work เลย ซื้อหนังสือแบบฝึกหัดพร้อมเฉลยมาทำเองก็ได้) ยังไม่พอ คุณเธอบอกว่า ก็พอพูดได้นี่นา ต้องพยายามพูดกับสามีที่บ้าน เริ่มจากบ้านนี่ละ (กรรมของตรู)
  • CV ที่ใช้อยู่ ต้องปรับเปลี่ยนใหม่ ไม่ให้ระบุ วัน เดือน ปี ในช่องประสบการณ์ แต่ให้ระบุว่าทำกี่ปีแทน ที่ต้องระบุเป็นระยะเวลากี่ปี กี่เดือนแทน เพราะจะได้ไม่โชว์ว่าไม่ได้มีช่วงตกงานไง แหม่ ก็ย้ายมาฝรั่งเศส ก็ต้องออกจากงานที่ไทย หางานทำในฝรั่งเศสไม่ได้สักที ก็อยู่ในสถานภาพตกงานสิ แถมให้โยกรายละเอียดว่ามีหน้าที่ทำอะไร ไปอยู่ด้านบน โดยให้สร้างช่อง Compétences Professionnelles ขึ้น และ grouping หน้าที่ที่ทำซ้ำกัน เพราะ HR ที่นี่กวาดตาดู CV เราแค่ 30 วินาทีเท่านั้น โอแม่เจ้า!  สรุป คือ ต้องทำ CV 2 แบบ แบบร่อน กับแบบเหน็บไปใช้ในวันสัมภาษณ์งาน (มาดามเปลี่ยนแล้ว เดี๋ยวจะลองร่อนดูใหม่ ดูสิว่าจะ work ไหม)
  • จะเป็น auto-entrepreneur ในเมื่อไม่มีใครจ้างเรา แทนที่จะได้รับคำแนะนำ หรือส่งตัวไปเรียนคอรส์อะไรที่เกี่ยวข้อง ไม่มีเลยค่ะ แถมใช้ให้ไปหาอ่านเอาในเนท เอ่อ ขอบพระคุณมากค่ะ มีแค่นัดฟังเรื่องการเปิดบริษัท 1 วัน ที่ Pôle Emploi ซึ่งก็คงงแต่พูดเรื่องหลักการทั่วไปแบบกว้าง ๆ

ท้ายนี้ มาดามก็พยายามไม่เครียด เพราะเราพยายามเต็มที่แล้ว บ้านนอก หางานยาก ยิ่งเป็นต่างด้าว ยิ่งหางานยากมาก ต้องเข้าใจสภาพแวดล้อมและปัญหา จะได้ไม่เครียด ไม่ทุกข์

Tuesday, March 1, 2016

มารู้จัก Calligraphie กันเถอะ

เช้านี้มาดามได้ไปร่วมทำ workshop หรือ l'atelier ในภาษาฝรั่งเศส (หลังจากไม่ไปมาหลายวีค) วันนี้มีผู้ชำนาญการเขียนตัวอักษรสวยงาม ที่เรียกว่า la calligraphie ซึ่งคำนี้มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก ระหว่างคำว่า kallos ที่แปลว่า สวย และ graphine ที่แปลว่า เขียน เมื่อรวมกันแล้วจึงหมายถึงการเขียนตัวหนังสือแบบสวยงาม

 อาจจะพูดอีกนัยนึงว่า การเขียนแบบ Calligraphie คือ การเขียนหนังสือแบบสมัยโบราณ คือ เอาปากกาจุ่มหมึกแล้วขีดเขียนให้สวยงาม (ลายมือขีดเขียนของมาดามออกจะอัปลักษณ์หน่อยนะคะ)
การเขียน Calligraphie นั้น ต้องใช้สมาธิในการเขียน และไม่มีการตวัดข้อมือ การเขียนต้องให้ปากกาตั้งเอียงประมาณ 20 องศา
 

มาเรียนรู้คำศัพท์พร้อมกับการทำความรู้จักอุปกรณ์ในการเขียน Calligraphie


ปากกาขนนก ทำไมเรียก la plume d'oie จริง ๆ เขาใช้ขนห่าน ทำนะคะ

ที่น่าสนใจ คือ เราสามารถประดิษฐ์ปากกาไว้จุ่มหมึกเขียน เช่น ไม้กดลิ้นที่คุณหมอใช้ตรวจคนไข้ นำมาตัดปลายเอา หรือ จะใช้ชิ้นส่วนกระป๋องน้ำอัดลม นำมาตัดและประกอบติดกับตะเกียบไม้ ซึ่งอันหลังนี้ ผู้สอนเค้าเรียกว่า "Cola-pen" เป็นการรวมคำระหว่าง Coca Cola (ที่ฝรั่งเศส เวลาสั่งโค้ก จะไม่เรียก Coke นะคะ ต้องเรียกว่า โคคา โคล่า ชื่อดั้งเดิม แบบนี้ มาดามนะชอบสั่งโค้กประจำ ก็มันติดนี่นา) และ pen คำภาษาอังกฤษ ที่แปลว่า ปากกา (ฝรั่งเศส ก็ un stylo)
จากภาพ จะเห็นว่ามันทำมาจากกระป๋องเบียร์ เลยนึกเล่น ๆ ว่า มันน่าจะเรียกว่า "Bière-stylo" หรือ "Bière-pen"
 อุกรณ์เขียนที่มีลักณะคล้ายสิ่วไม้ คือ ไม้กดลิ้นที่นำมาตัดปลายเอา ส่วนแบบหัวเหล็ก ก็หาซื้อเอาคร้า 

หมึกที่ใช้จุ่ม ก็หาได้ตามมุมเครื่องเขียน แต่ที่ใช้เขียนกันวันนี้ ไม่ได้ใช้หมึกสำหรับเขียน แต่ใช้  Brou de Noix ซึ่งจะออกสีน้ำตาล ปกติเขาเอามาทาสีไม้กัน สีที่ใช้นี้เป็นสีที่มาจากธรรมชาติ เป็นผลิตผลจาก des noix หรือ ถั่ววอลนัท โดยสกัดสีมาจากเยื้อหุ้มวอลนัทที่หุ้มรอบ ๆ เปลือกแข็ง ๆ นะคะ (ตอนเก็บ des noix ถ้ามันยังไม่แห้ง และยังไม่หลุดออกจากเปลือกหุ้ม ถ้าใช้มือแกะ เล็บก็จะดำ)
มาพูดถึงคำว่าหมึก ในภาษาฝรั่งเศส เรียกว่า l'encre เป็นคำนามเพศหญิง ถ้าเราฟังเผิน ๆ อาจจะสับสนกับอีกคำได้ เนื่องจากออกเสียง อ็องเครอะ เหมือนกันเลย แต่เขียนไม่เหมือนกัน แถมความหมายก็คนละเรื่อง  ไอ้คำที่ออกเสียงเหมือนกัน แต่ความหมายต่าง เราเรียกว่า "l'homonyme" ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับคนที่เพิ่งเรียนภาษาฝรั่งเศสได้ เพราะอาจเกิดความเข้าใจผิด เข้าใจไปคนละเรื่อง เกิดปัญหาในการสื่อสารนั่นเอง
ท้ายนี้ขอฝากประโยคที่เกี่ยวกับการเขียน เผื่อจะได้นำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน หากมีใครถามว่าเขียนหนังสือด้วยมือข้างไหน หรือเป็นคนถนัดข้างไหน
Je suis droitière. ฉันเป็นคนถนัดมือขวา หรือเขียนหนังสือมือขวา (ถ้าผู้พูดเป็นผู้ชาย ต้องพูดว่า Je suis droitier.)
Je suis gauchère. ฉันเป็นคนถนัดมือซ้าย หรือเขียนหนังสือมือซ้าย (ถ้าผู้พูดเป็นผู้ชาย ต้องพูดว่า Je suis gaucher.)
สำหรับคนที่เขียนหนังสือมือซ้าย สมัยก่อนคนฝรั่งเศสมีความเชื่อว่าไม่ดี คือ เกี่ยวข้องกับซาตาน เพราะส่วนมากคนเขียนหนังสือด้วยมือขวา และส่วนมากคนถนัดขวา

ปอ ลิง เวลามาดามไปเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ มา ก็อยากมาแชร์ มาเล่าประสบการณ์ แถมความรู้เรื่องศัพท์ให้ด้วย หวังว่าคงไม่น่าเบื่อนะคะ

Bonne journée!