Friday, November 7, 2014

ประสบการณ์การเรียนภาษาฝรั่งเศสแบบตัวต่อตัวในประเทศฝรั่งเศส

Bon vendredi! สุขสันต์วันศุกร์คร้า
มาดามขอแชร์ประสบการณ์ในการเรียนภาษาฝรั่งเศสแบบตัวต่อตัวกับครูฝรั่งเศสในประเทศฝรั่งเศส คือ เป็นการเรียนแบบ Personal ค่ะ จะมีแค่ผู้เรียนและครูผู้สอนแค่ 2 คน ในห้องเรียน ครูผู้สอนจะทำหน้าที่เป็น Personal tutor และ Coaching ภาษาให้เราค่ะ เหมือนกับที่เราจ้างครูมาสอนที่บ้านประมาณนี้นะค่ะ แต่การจ้างครูมาสอนที่บ้านต้องจ่ายเป็นชั่วโมงค่ะ แล้วแต่ราคา บางคนจะคิด 8 ยูโร/ ชั่วโมง โดยมากจะเป็นนักศึกษาที่ต้องการหารายได้พิเศษนะค่ะ สามารถหาประกาศรับสอนทางอินเตอร์เนทได้ค่ะ โดยค้นหาจากเพจหางานนะค่ะ เรายังสามารถหาคอร์ส personal tutor กับสถาบันภาษาได้ แต่ขอบอกว่าราคาแพงมากค่ะ  เพราะปกติสถาบันภาษา เช่น Alliance française จะเปิดคอร์สภาษาเป็นแบบ Mass นั่นหมายถึง รับผู้เรียนจำนวนมาก อาจจะ 20 คนขึ้นไป ต่อหนึ่งห้อง เรียนเหมือนตอนที่เราเรียนหนังสือตอนเด็กนั่นละค่ะ แค่จำนวนนักเรียนน้อยกว่า แต่การสอนอาจไม่ทั่วถึงทุกคน คนไหนขยันตอบ ขยันถามก็จะได้เปรียบกว่าคนที่นั่งเงียบค่ะ และการเรียนกับ OFII ก็เป็นแบบ Mass นี่ละค่ะ แต่แย่กว่าเพราะจับทุกคนมาเรียนรวมกัน ไม่ว่าจะไทย อาหรับ แถมไม่มีการสอบวัดระดับ หรือ placement test ก่อน เพื่อคัดกรองผู้เรียนว่าเรียนอยู่ระดับไหน จึงอาจเกิดปัญหาเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ตามไม่ทัน ทั้งนี้ มาดามเองไม่เคยไปเรียนกับ OFII เนื่องจาก OFII ไม่ให้โอกาสเรียนฟรี เพราะคลาสเต็ม บลา ๆ สารพัดค่ะ

กลับมาที่การเรียนแบบ personal tutor ของมาดามกันดีกว่า ขอบอกว่าเรียนฟรีค่ะ เป็นการบริการสังคมที่ดีมากของ Association Trampoline Molsheim ทำไมเหรอค่ะ เหตุผลง่าย ๆ คือ ในปัจจุบัน คนฝรั่งเศสเอง ไม่ว่าจะเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ ไม่สามารถเขียนภาษาฝรั่งเศสได้อย่างถูกต้อง เขียนไม่ถูกต้องตามไวยากรณ์ องค์กร Trampoline จึงมีขึ้นเพื่อการนี้ค่ะ ส่วนผู้สอนจะเป็นผู้ที่เกษียณแล้วและต้องการทำประโยชน์คืนให้สังคมค่ะ แน่นอนครูผู้สอนคงไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นครูสอนภาษามาก่อน จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เรียนเองด้วย เพื่อจะได้สร้างบทเรียนที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนเองด้วย ถือว่าเป็นการเรียนการสอนที่มีประโยชน์มาก ไม่ใช่เรียนตามตำรา ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองแบบการเรียนในไทย ซึ่งไม่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตจริงได้แบบ 100%

วันแรกของการเรียน จะเป็นการทำความรู้จัก หรือ Introduction แต่ไม่ใช่มานั่งเรียนว่าฉันชื่ออะไร สบายดีไหม แบบ Bonjour, comment vous vous appelez? ครูผู้สอนจะแนะนำตัวเองและถามชื่อเรา ถามประวัติการทำงาน ความชอบ เป็นต้น การเรียนการสอนจะเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กันมากกว่า ระหว่างภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ และวัฒนธรรม สิ่งที่ได้จากการเรียนในวันแรกของมาดาม คือ
  • วัฒนธรรมการเรียกชื่อ ในฝรั่งเศสและชาวตะวันตก จะเรียกชื่อสกุลก่อน (Nom) เพื่อที่จะได้รู้ว่ามาจากครอบครัวไหน แต่ที่ไทยจะเรียกชื่อจริง (Prénom) เนื่องจากนามสกุลไทยเรามันยาว และถ้าเราสนิทกันก็จะไม่เรียกชื่อจริงที่เป็นทางการ แต่จะเรียกชื่อเล่นแทน
  • เวลา ฝรั่งเศสจะใช้แบบ 24 ชั่วโมงแบบไทย และใช้แบบอังกฤษ คือ  0-12 แต่ไม่มีคำว่า am. pm. จะใช้ช่วงเวลามาบ่งบอกว่าช่วงเช้า  du matin ช่วงบ่าย de l'après-midi ช่วงเย็น du soir และยังแบ่งการบอกนาทีเป็นแบบ quarter คือ แบ่งออกเป็น 15 นาที (et quart) 30 นาที (et demi) 45 นาที (moins le quart) และการบอกว่าอีกกี่นาทีจะถึง X โมง เช่น อีกสิบนาทีจะถึง 11 โมง - Il est onze heures moins dix. แบบหลังนี่ต้องนั่งคิดเลขเอาด้วย
  • มีศัพท์ฝรั่งเศสที่เหมือนและคล้ายกับภาษาอังกฤษมากมาย เนื่องจากภาษาอังกฤษได้ยืมคำจากต่างประเทศมาใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น old french หรือ  deutsch  ซึ่งบางคำเขียนต่างกันนิดหน่อย ทำให้สับสนได้ กรณีของมาดาม ครูผู้สอนถามว่าเคยทำงานอะไรมา เลยตอบว่า assistant manager , state-owned enterprise ในภาษาฝรั่งเศสใช้คำว่า entreprise อองเทรอะพรี แต่มาดามยังติดเขียนเป็นภาษาอังกฤษอยู่ เขียน enterprise มาทั้งหน้าเลย ลุงมาตรวจเจอเลยแก้ใหม่ ตัวแดงเต็มหน้า
    • SMEs ที่ฝรั่งเศส เรียกว่า PMEs ย่อมาจาก Petites et Moyennes Entreprises
    • Micro Business ธุรกิจขนาดจิ๋ว ที่ฝรั่งเศสจะเรียกว่า TPE หรือ Très petite entreprise
    • ธุรกิจ บริษัท ที่เราเรียกว่า enterprise ที่ฝรั่งเศสจะใช้คำว่า l'entreprise ซึ่งเป็นคำนามเพศหญิง สะกดคล้ายอังกฤษ แต่สลับตำแหน่งตัวอักษร คือ ฝรั่งเศส ใช้ re แต่อังกฤษใช้ er
ก่อนจบคลาสวันแรก ครูก็ให้หัวข้อไปเตรียมตัวเพื่อเรียนในคลาสหน้า คือ เชิญเพื่อนมาทานอาหารที่บ้าน เตรียมอาหาร ส่วนการบ้านครูจะส่งเมล์ให้ทำเป็นเรื่องการบอกเวลา

การเรียนภาษาต่างชาติ ต้องอาศัยความพยายามและความกระตือรือร้นที่จะเรียนและขวนขวายหาความรู้ใส่ตัวอยู่ตลอดเวลา การที่มีครูมาสอน เป็นการชี้แนะและตรวจแก้ข้อผิดพลาดของเราเท่านั้น  มาดามเอาความรู้ที่ได้รับจากครูมาทบทวน และค้นหาเพิ่มเติมจากอินเตอร์เนทอีกทาง คิดว่า self-study ก็เป็นตัวช่วยอีกทางค่ะ และครั้งหน้า มาดามจะพยายามพูดภาษาฝรั่งเศสให้มากขึ้น และจะพยายามไม่พูดภาษาอังกฤษ ไม่รู้จะทำได้ไหม

Bon weekend!

No comments:

Post a Comment