Wednesday, February 25, 2015

ช่องทางเรียนภาษาฝรั่งเศสในประเทศฝรั่งเศสฟรี

สวัสดีค่ะ วันนี้มีแสงแดด มาดามชอบแสงแดดมากเลย มีใครชอบแดดแบบมาดามบ้างไหมค่ะ วันนี้มาดามจะมาแนะนำช่องทางเรียนภาษาฝรั่งเศสฟรีค่ะ เน้นว่าเฉพาะในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้นนะค่ะ บางช่องทางสะใภ้ฝรั่งเศสอาจได้รับสิทธิเรียนฟรี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับสิทธินั้น รวมถึงมาดามเองด้วย ทำให้มาดามต้องดิ้นรนหาที่เรียนภาษาฝรั่งเศสเรียนแบบฟรี เพราะเรื่องทุนการศึกษานี่ล่ะเป็นประเด็นสำคัญ อีกอยากค่าเรียนภาษาฝรั่งเศสตามสถาบันสอนภาษา และในมหาวิทยาลัย ค่อนข้างราคาสูง ทำให้ต้องติดต่อหาที่เรียนค่ะ

ช่องทางแรก คือ การเรียนภาษาฝรั่งเศสกับ OFII มันเป็นด่านแรกเลยที่สะใภ้ฝรั่งเศสทุกคนจะต้องติดต่อ ตอนเข้ารับการตรวจร่างกายที่ OFII นั่นละค่ะ บางเขตจะมีทดสอบภาษาด้วย แต่ตอนที่มาดามไปที่ OFII Strasbourg ไม่มีขั้นตอนนี้ มีแต่เพียงการสัมภาษณ์ สอบถาม หากมีใบประกาศ Attestation Ministérielle de Dispense de Formation Linguistique ใบสีน้ำเงินที่ได้มาจาก OFII กรุงเทพฯ และสอบผ่านตั้งแต่ครั้งแรก ก็ต้องลุ้นกันว่า OFII จะให้เรียนฟรีหรือไม่  (กรณีมาดาม อดเรียน) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่ OFII ในแต่ละเขตมี และจำนวนสะใภ้ฯ ผู้อพยพ ย้ายถิ่นฐาน หากมีมาก งบฯหมด ก็อดเรียน แถมชั่วโมงเรียน OFII แต่ละเขตก็ให้ไม่เท่ากันด้วย ขึ้นอยู่กับงบประมาณล้วนๆ และจำเป็นที่ต้องเข้าเรียนให้ครบตามจำนวนชั่วโมงเรียนที่กำหนด รวมถึงต้องสอบให้ผ่านเกณฑ์ด้วย เพื่อนำใบประกาศณียบัตรไปยื่นต่อขอวีซ่าระยะยาวที่ Préfecture

ช่องทางที่สอง ติดต่อทาง La Mairie ของชุมชนหรือหมู่บ้านของสะใภ้ฯ เพื่อสอบถามเรื่ององค์กร สมาคม มูลนิธิ ที่จัดสอนภาษาฝรั่งเศสให้คนในชุมชนได้เรียนฟรี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละชุมชนว่ามีองค์กร ที่จัดกิจกรรมส่งเสริมและช่วยเหลือสังคมนั้น มีองค์กร หรือ สมาคมใดบ้าง ที่มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาการอ่าน เขียน ภาษาฝรั่งเศส มีองค์กร หรือ สมาคมใดบ้าง บางชุมชน Croix-Rouge หรือสภากาชาด จะจัดคอร์สฟรีให้  แต่สำหรับสะใภ้ฯ ที่อาศัยอยู่ใกล้ Molsheim ก็สามารถไปติดต่อกับ L'Association Trampoline Molsheim ได้ค่ะ จะมีผู้ที่เกษียณอายุการทำงานมาเป็นครูสอนภาษาฝรั่งเศสแบบตัวต่อต่อให้แบบฟรี ๆ แต่ขั่วโมงเรียนน้อย คือ ชั่วโมงครึ่งต่อสัปดาห์เท่านั้น โดยจะนัดเรียนที่ La Mairie หรือตามสถานที่ที่สะดวกค่ะ

ช่องทางที่สาม ตอนไปสัมภาษณ์กับ Formation ซึ่ง OFII ส่งไปเรื่อง Bilan  de Compétences Professionnelles คือ ให้บอกเจ้าหน้าที่ไปว่าภาษาฝรั่งเศสแย่มาก แล้วเจ้าหน้าที่จะประเมินและเขียนใบส่งตัวให้ไปเรียนกับสถาบันภาษา ภายใต้งบประมาณของ OFII กรณีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้เรียนฟรีกับ OFII ในครั้งแรก ทั้งนี้ ต้องไปติดต่อด้วยตัวเองโดยตรงกับสถาบันภาษาโดยตรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ Formation จะให้วันนัดหมายและเบอร์โทรติดต่อ ที่อยู่สถาบันไว้ให้ แค่ไปในวันนัดหมาย พร้อมถือใบส่งตัวที่เจ้าหน้าที่ Formation เขียนให้ หนังสือเดินทาง เพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่สถาบันภาษาไปสำเนาเก็บไว้เป็นหลักฐาน (หน้าแรกของหนังสือเดินทาง และหน้าที่มี OFII Stamp) จากนั้นก็กรอกแบบฟอร์มของสถาบัน และรอหนังสือเรียกให้เข้าเรียนอีกที จำนวนชั่วโมงเรียนอยู่ที่ 118 ชั่วโมง สูงสุด 300 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับงบฯ ที่ได้รับจาก OFII (มาดามยื่นเรื่องไปเดือนมกราคม รอแล้วรออีก จนไม่แคร์แล้วค่ะว่าจะได้เรียนหรือไม่) กรณีนี้ ไม่ผูกพันกับสัญญา OFII จึงไม่ต้องสนใจว่าจะเรียนจนครบจำนวนชั่วโมงที่กำหนด และต้องสอบให้ผ่านตามเกณฑ์

ช่องทางที่สี่ ลงทะเบียนเป็นผู้ว่างงานกับ Pôle Emploi คือ เข้าไปสมัครในเว็บของ Pôle Emploi แล้วจะมีนัดหมายให้เข้าไปพบ สัมภาษณ์ กับเจ้าหน้าที่ Pôle Emploi เขตที่บ้านสะใภ้ฯ ขึ้นอยู่นะค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่จะเขียนใบส่งตัวให้เข้าเรียนภาษาฝรั่งเศสฟรี โดยให้เราส่งหนังสือไปที่สถาบันทางไปรษณีย์เองค่ะ จากนั้นก็แค่รอสถาบันติดต่อมา ชั่วโมงเรียนจะได้ 300 ชั่วโมงค่ะ

สะใภ้ฯหลายคนอาจจะท้อเรื่องภาษา มาดามปลงแล้วค่ะ ในเมื่อพูดไม่ได้ หางานดีๆ ไม่ได้ ก็ไม่หา ไม่ทำ ไม่พูด อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เครียด 555 เพราะยิ่งดิ้นรน อยากเรียนฟรี ก็ไม่ได้สักที ก็ปล่อยวางค่ะ อยู่ไปเรื่อยเดี๋ยวก็พูดได้เอง เพราะอยู่มา 7 เดือนกว่าแล้ว ภาษาฝรั่งเศสจากที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเลย ตอนนี้พอรู้เรื่องบ้าง ฟังมันทุกวัน มันก็เข้าหัวเองละค่ะ 555

Tuesday, February 17, 2015

การตัดแว่นสายตา: พบจักษุแพทย์

Bonjour à tous! สวัสดีทุกคนค่ะ วันนี้มาดามมีประสบการณ์มาแชร์ค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิเรื่องสุขภาพของเรา โดยเฉพาะดวงตา ทราบไหมค่ะว่า L'assurance maladie ให้สิทธิการรักษาสายตาให้เราด้วย กล่าวง่าย ๆ คือ เราสามารถตัดแว่นสายตา และซื้อ contact lens สายตา พร้อมน้ำยาล้างเลนส์ได้ค่ะ ทำยังไงเหรอค่ะ 

1. ไปตรวจกับจักษุแพทย์ เพื่อได้ใบสั่งให้ไปตัดแว่นสายตา หรือซื้อ contact lens กับร้านขายแว่น หรือ
2. ไปที่ร้านขายแว่นที่มีอุปกรณ์วัดสายตา และซื้อที่ร้านเลย (แบบนี้เหมือนที่เมืองไทยค่ะ เดินเข้าไปในร้านขายแว่น จะมีเครื่องวัดสายตา และก็เลือกกรอบแว่นตามชอบ)

ขั้นตอนการพบจักษุแพทย์

-ก่อนอื่นต้องโทรไปนัดและจองคิวกับจักษุแพทย์ค่ะ ที่ฝรั่งเศสจะมี Cabinet d'Ohtalmologie หรือศูนย์จักษุแพทย์ เรียกง่าย ๆ ว่า คลินิกหมอตา ค่ะ ทำไมต้องโทรนัดคิว ในแต่ละเขตมีจักษุแพทย์ไม่มากค่ะ บางเขตอาจต้องนัดกันเป็นปีเลย โชคดีของมาดามที่จองคิวรอแค่ 1 เดือนเอง 5555

- พอถึงวันนัด ให้นำ Carte Vitale กับใบ SP Santé หรือ Attestation de Tiers Payant ไปด้วยค่ะ และยื่นที่เคาน์เตอร์ รอเรียกคิว (ค่อนข้างนาน นานมาก) มาดามรอประมาณชั่วโมงครึ่งได้

-มีการตรวจสายตาและถ่ายภาพตาเราทั้งสองข้างโดยผู้ช่วยแพทย์ค่ะ พร้อมถามว่าใช้ contact lens ยี่ห้อไหน มาดามจำไม่ได้ เพราะไม่ได้ซื้อ contact lens กับ Optical Center มานานมาก สั่งเอาทางเนท กว่าจะนึกชื่อออก มาดามใส่ของ +MiMibyToni mimibytoni ค่ะ เพราะชอบ contact lens สี และของเค้าสวยถูกใจ ถอยมาเป็น 10 คู่และหอบหิ้วมาที่ฝรั่งเศสด้วย

-ถึงเวลาที่จักษุแพทย์มาตรวจค่ะ ก็ให้นั่งและเอาคางวางบนอุปกรณ์แล้วให้อ่านตัวอักษรค่ะ แน่นอน เป็น ABCD อ่านเป็นอังกฤษไปก็ได้ค่ะ เค้าฟังออก อิอิ จะลดขนาดตัวอักษรไปเรื่อย จนเราอ่านไม่ได้ คือ มองไม่เห็นนั่นละค่ะ แล้วจะมีการเช็คว่าอ่านแผ่นนี้ชัดกว่าอีกอันไหม จากนั้นจะวัดค่าความเอียงของสายตาด้วย

-เสร็จการตรวจ จักษุแพทย์จะออก prescription ให้ หรือใบสั่งยา แต่ใบนี้เป็นใบสั่งเรื่องค่าสายตาเพื่อไปตัดแว่นค่ะ ของมาดามมี 2 ใบ คือ สำหรับตัดแว่นสายตา และ สำหรับซื้อ contact lens รายเดือน (Lentilles de contact)

ในใบ prescription ที่ใช้ตัดแว่นสายตา จะระบุว่า
-une monture คือ กรอบแว่น (อย่าสับสนกับคำว่า une montre ที่แปลว่า นาฬิกาข้อมือ นะค่ะ)
-vision de loin คือ ค่าสายตา จะมี Oeil droit ตาขวา Oeil gauche ตาซ้าย สั้นเท่าไหร่ และวงเล็บค่าสายตาเอียงไว้

ส่วน prescription สำหรับ Contact lens จะระบุว่า
-Lentilles de contact pour 1 an  คือ Contact lens สำหรับ 1 ปี
-ชื่อยี่ห้อ และรุ่นของ Contact lens 
-RO คือ base curve หรือภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า rayon de courbure คือความโค้งของเลนส์ มีค่าระหว่าง 8,00 - 10,00 mm
-Diamètre หรือเส้นผ่าศูนย์กลางของเลนส์ มีค่าระหว่าง 13,00 - 15,00 (ถ้าคนใส่ big eyes จะทราบว่า big eyes จะมีค่าที่ 18,00)
-ค่าสายตา

ค่าเสียหายในการตรวจสายตาสำหรับ 2 คน 114 ยูโร ชำระทันที เนื่องจากที่คลินิกนี้ไม่รับ Tier Payant แต่ทาง Mutuel หรือประกันสุขภาพจะคืนเงินเข้าบัญชีให้ไม่กี่วันค่ะ

วีคนี้ละค่ะ มาดามจะไปถอยแว่นแบบแอน ในละครแอบรัก อิอิ ช่างเหมาะกับใบหน้ารูปไข่ (ไข่ dinosaur) มว๊ากกกกก มาก 555

Monday, February 9, 2015

ใบประกาศณียบัตรของ OFII

Mission completes! มาดามรู้สึกโล่ง มีความสุข ไม่ต้องมีภาระผูกพันกับ OFII อีกต่อไป เราขาดกัน 5555 ทำไมนะเหรอ ก็มาดามอบรมครบหมดแล้วตามที่ OFII กำหนด (หมายเหตุ การอบรมที่ OFII กำหนด อาจจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับแต่ละ case แต่ละเขต) เอาเป็นว่ามาดู collection ใบประกาศณียบัตร OFII ของมาดามกัน มีทั้งหมด 5 ใบ (7 เดือนที่มาอยู่ฝรั่งเศส)


Attestation ที่ได้จากการอบรมตามที่ OFII กำหนดไว้ใน Contrat d'accueil et d'intégration ตาม Article 1: Engagement de l'Etat
1) Attestation Ministérielle de Dispense de Formation Linguistique ใบสีนำ้เงิน ที่ได้ตอนสอบภาษากับ OFII ที่กรุงเทพฯ คือ Bilan lunguistique ความสามารถด้านภาษาฝรั่งเศส
2) Attestation de Connaissance des Valeurs de la République ใบสีเหลือง ได้วันไปสอบที่ OFII กรุงเทพฯ เป็นการวัดความรู้เรื่องประเทศฝรั่งเศส สิทธิ กฎหมาย
3) Attestation session d'Information sur la vie en France ใบสีเขียว ที่ไปอบรมกับ Formation เรื่องการใช้ชีวิตในประเทศฝรั่งเศส
4) Attestation de Réalisation d'un Bilan de Compétences Professionnelles ใบสีส้ม เป็นการสัมภาษณ์และให้คำแนะนำเรื่องการหางาน
5) Attestation de Formation Civique ใบสีฟ้า เป็นการอบรมเรื่องการปกครอง ประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศส

สำหรับการอบรม No. 3 และ 4 OFII จะจ้างล่ามมาแปลฝรั่งเศส-ไทย หรือ ฝรั่งเศส-อังกฤษ แล้วแต่เราจะแจ้งกับ OFII ไว้  ส่วน Bilan de Compétences Professionnelles ไม่มีล่ามค่ะ

กรณีของมาดาม OFII Strasbourg ไม่ได้ให้เรียนภาษาฝรั่งเศส  มาดามจึงไม่มีการสอบ DILF นะค่ะ และก็ไม่มีเอกสารรับรองในส่วนนี้

เอกสารรับรอง ใบประกาศฯ ต่าง ๆ ที่ได้มา เก็บรวบรวมให้ดี อย่าทำหายนะค่ะ เพราะเป็นเอกสารสำคัญนำไปยื่นขอ Carte de séjour กับ Préfecture และขอการ์ด 10 ปีค่ะ

มาดามขอตัวไปทำการบ้านที่ครูสั่งไว้ก่อนนะค่ะ ณ วันนี้มาดามเหลือแค่ improve french language และ การหางานทำเท่านั้นค่ะ จะหางานดี ๆ ต้องมีสามารถสื่อสารฝรั่งเศสได้ ก็ต้องสู้ต่อไป

การอบรม Formation Civique

วันที่รอคอยก็มาถึง วันที่อบรมกับ OFII เรื่องสุดท้ายตาม Contrat d'accueil et intégration นั่นคือ Formation Civique  มาดามได้ไปอบรมมาเมื่อวันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2558 ตอนแรกที่ได้รับหนังสือนัดหมายเข้าอบรมนี่ดีใจมาก แต่แอบแปลกใจว่าทำไมนัดอบรมวันเสาร์ ในเมื่อหนังสือนัดหมายที่ส่งมาจาก OFII ระบุวันเวลาชัดเจนแบบนี้ ก็ต้องไปตามนัดค่ะ สงสัยล่ามจะว่างแค่วันเสาร์ 555

มาดูหน้าตาหนังสือนัดหมายเข้าอบรม Formation Civique หรือภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Convocation à la Formation Civique (คำว่า Convocation คือ หนังสือนัดหมาย เทียบกับภาษาอังกฤษ คือ Summon ค่ะ ประมาณหมายเรียกตัวนั่นแหล่ะ)
ในหนังสือนัดหมายก็จะระบุว่าอบรมเรื่อง Formation Civique ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา หรือ Contrat d'accueil et intégration ที่ได้เซ็นชื่อไว้กับ OFII (ในวันที่นัดตรวจร่างกายและสัมภาษณ์กับ OFII) และระบุให้นำหลักฐานแสดงตัวตนมาด้วย (une pièce d'identité avec photographie) ในที่นี้ หมายถึง หนังสือเดินทางค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ได้ดูหรือต้องโชว์หนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ Formation ดูเลยค่ะ (ปกติเวลาเดินทางออกนอกบ้าน ต้องพกหนังสือเดินทางติดตัวไปด้วยทุกครั้ง เหมือนพกบัตรประชาชนค่ะ)

ปกติการอบรมที่ใช้เวลาค่อนวันจะมีอาหารกลางวันให้ทานฟรีค่ะ โดยจะระบุไว้ในหนังสือนัดหมายพร้อมขีดเส้นใต้ให้เห็นชัดเจน "Le repas vous sera offert" หมายถึง มีอาหารจัดให้คุณ (sera คือ V. être ในรูปกาลอนาคตค่ะ ส่วน offert ก็คือ offer ในภาษาอังกฤษ)

นอกจากนี้ ในหนังสือนัดหมายยังได้อธิบาย theme ของการอบรม Formation Civique จะเป็นการอบรมเกี่ยวกับการปกครองของสาธารณรัฐฝรั่งเศส คำขวัญหรือหลักการพื้นฐานแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

ย่อหน้าถัดไป จะระบุชัดว่าเป็นหน้าที่ หรือที่เรียกกันว่า Obligatoire ที่ต้องกระทำ และการอบรมนี้จะได้ไปประกาศณียบัตร หรือ Attestation เพื่อไปยื่นขอ carte de séjour กับ Préfecture และยังเน้นว่าการอบรมนี้ห้ามนำคู่สมรส หรือ บุตร มาเข้าอบรมในห้องด้วย ระหว่างการอบรมจะจัดให้มีล่ามแปล

สรุปง่าย ๆ
-เดินทางไปแต่ตัว ให้สามีไปส่ง ลูกน้อยไม่ควรเอาไปด้วย
-มีล่ามแปลให้ โดยจะจัดที่นั่งแบ่งแยกตามโซนภาษา (ล่ามแปลที่จัดมาให้เป็นล่ามแปลฝรั่งเศส-อังกฤษ เนื่องจากมาดามไม่ต้องการรอเลยแจ้ง OFII ไป และมาดามเองสามารถฟังและสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี หากต้องรอล่ามไทย นั่นหมายถึง รอเวลาล่ามว่าง และรอเพื่อน ๆ คนไทยอีก อย่างน้อยต้องมี 5-6 คน ไม่งั้นไม่จัด แถมมาดามฟังภาษาฝรั่งเศสได้บ้างและใช้วิธีอ่านเอา บวกกับมีความรู้พื้นฐานเรื่องประวัติศาตร์ การเมือง การปกครอง เอาเป็นว่ายังมีความรู้เก่าติดหัวมาบ้างค่ะ อิอิ)
-มีอาหารกลางวันให้ทานฟรี
-เซ็นชื่อก่อนเข้าอบรม
-มีเบรค 10 นาที
-หลังเบรคจะแจกใบประกาศฯ ให้ตรวจสอบความถูกต้องของชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด

มาดามขอแชร์ความรู้จากการอบรม Formation Civique เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่กำลังจะไปอบรมค่ะ เข้าเนื้อหาการอบรมกันเลยดีกว่า (ค่อนข้างยาว แต่มีประโยชน์สำหรับเป็นความรู้ตอนสอบขอการ์ด 10 ปี และการขอสัญชาติ)

เริ่มต้นการอบรมด้วยเรื่องประวัติศาสตร์ประเทศฝรั่งเศส หรือ 1) Histoire de la France จะกล่าวถึง
-ความเป็นมาของประเทศฝรั่งเศสว่าชาวฝรั่งเศสสืบเชื้อสายมาจากโกล หรือ Gauloise
-ภาษาว่ามีต้นกำเนิดมาจากภาษาละติน  
-การเป็นประเทศฝรั่งเศสที่มีอาณาเขตกว้างขวางโดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 Philippe-Auguste ซึ่งทรงตั้งมหาวิทยาลัยปารีสด้วย 
-ความขัดแย้งทางศาสนาและการเริ่มต้นของนิดกาย Protestant หรือภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Protestanisme 
-การปฎิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 
-ยุคสมัยจักรวรรดิฝรั่งเศส ยุคนโปเลียน และ Napolian Bonaparte
-สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย La Prusse และความพ่ายแพ้ของจักรพรรดินโปเลียน การล้มเลิกระบอบการปกครองของจักรวรรดิฝรั่งเศส
-รัฐธรรมนูญฉบับปี ค.ศ. 1875 ยุคสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ปัจจุบันเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5
-การต่อสู้สำหรับเสรีภาพและสิทธิทางสังคม
-การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ด้านวิทยาศาสตร์ เช่น Louis Pasteur, Marie Curie, Les frère Lumiere - film maker, Renault - รถยนตร์
-ยุคล่าอาณานิคม ที่ขยายไปถึงแอฟริกาและเอเชีย
-สงครามโลกครั้งที่ I และ II

มาต่อหัวข้อที่ 2) Les Valeurs et les Principes de la République
-ประชาธิปไตย: Le gouvernement du peuple, par le peuple et pour le peuple คือ รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน (คุ้น ๆ ไหมค่ะ แน่ละกฎหมายไทย รากฐานก็มี model มาจากฝรั่งเศส ด้วย)
-การเมืองมีการแบ่งแยกอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นซ้าย-ขวา หรือที่เรียกว่า Gauche et Droite en politique นอกจากนี้ยังมี Extrême Gauche และ Extrême Droite พรรคการเมืองที่เป็นแบบขวาจัด คือ พรรค Front National (FN) มี Marine Le Pen เป็นหัวหน้าพรรค
-ฝรั่งเศสเป็น un pays laïque และเคารพต่อทุกลัทธิความเชื่อ หมายถึง มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา ไม่ได้ระบุว่ามีศาสนาใดเป็นศาสนาประจำชาติ ประชาชนมีสิทธิเลือกนับถือและเปลี่ยนศาสนาได้ ไม่มีการบังคับ แต่มีข้อห้ามไม่ให้สวมใส่สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาในโรงเรียน เช่น ห้ามโพกหัวแบบมุสลิม  การแต่งงานตามศาสนา เช่น แต่งงานต่อหน้าอิหม่าม ไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย คือ ต้องไปจดทะเบียนที่ La Marie ถึงจะถูกต้องตามกฎหมายแต่ห้ามปิดหน้าด้วยผ้าคลุม และสามารถจัดพิธีทางศาสนาอีกได้ (แบบบ้านเรา ไปจดทะเบียนสมรสที่เขต แล้วค่อยจัดพิธีแต่งงานตามศาสนา)
-ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเงินภาษีเป็นเงินที่รัฐนำมาสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ Infrastructure ถนน โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น
-ธงชาติ เป็น tricolore หรือสามสี คือ น้ำเงิน ขาว แดง "Bleu-Blanc-Rouge" ถือว่าเป็นป็นสัญลักษณ์ประจำชาติฝรั่งเศส ตามมาตรา 2 แห่งรัฐธรรมนูญสาธารณรัฐฝรั่งเศส  เราจะเห็นธงชาติฝรั่งเศสตามสถานที่ราชการ เช่น La Mairie เป็นต้น สีธงชาติมาตาฐานนี้กำหนดขึ้นในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดี Valéry Giscard d'Estaing แต่เดิมจะมีแค่สีแดงและสีนำ้เงินซึ่งเป็นสีธงประจำกรุงปารีส ส่วนธงสีขาวเป็นสัญลักษณ์ Monarchy และเป็นธงประจำสภาสามัญชน  
-Marianne เป็นสัญลักษณ์เชิงที่แสดงถึงเสรีภาพ มาจากคำว่า Mari+Anne สามารถเชื่อมโยงกับ Les Mairies de France เพราะคำว่า Mari >>Mairie
-เพลงชาติฝรั่งเศส หรือ L'Hymne National เดิมชื่อ “Chant de guerre pour l’armée du Rhin” แต่งขึ้นที่เมือง Strasbourg ในปี ค.ศ. 1792 ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “La Marseillaise” และใช้เป็นเพลงชาติเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1795
-วันชาติฝรั่งเศส La fête nationale, le 14 juillet วันที่ 14 กรกฎาคม เป็นสัญลักษณ์ของการรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน Symbolise l'unité nationale
-สิทธิมนุษยชนและพลเมือง Les droits de l'Homme et du Citoyen วันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1789
-La Charte Européenne des droits fondamentaux หรือ กฎบัตรสิทธิขั้นพื้นฐานของสหภาพยุโรป หรือบ้านเราเรียก EU เริ่มใช้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2000 เน้นการไม่เลือกปฏิบัติ ต่อต้านการเลือกปฏิบัติเรื่องสีผิว เพศ เชื้อชาติ ศาสนา เป็นต้น
-คำขวัญประจำชาติ คือ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ Liberté, Égalité, Fraternité
-La devise de la République >> La liberté เสรีภาพ เป็นหนึ่งในคำขวัญประจำชาติฝรั่งเศส โดยได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1958 มาตรา 4 "La liberté consiste à pouvoir faire tout ce qui ne nuit pas à autrui" ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการกระทำ ที่ไม่กระทบหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น
-รัฐให้ความรับรองความเสมอภาคเท่าเทียมกัน L'égalité garantit par l'Etat
-อายุ 18 ปีสามารถแต่งงานได้  อายุ 17 ปี สามารถทำงานได้
-การหย่า

เรื่องที่ 3) การขอสัญชาติฝรั่งเศส
-เด็กที่เกิดในประเทศฝรั่งเศส ไม่ว่าพ่อแม่จะมีสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่ฝรั่งเศสทั่งคู่ ก็จะได้สัญชาติฝรั่งเศสโดยอัตโนมัติ (สัญชาติตามสถานที่เกิด)
-การขอสัญชาติฝรั่งเศสด้วยการแต่งงาน อยู่กิน 3 ปีติดต่อกันในฝรั่งเศส (ไม่สนว่าจะแต่งมานานแล้ว จดทะเบียนที่ไหนมา แต่ต้องอยู่ด้วยกันที่ฝรั่งเศส 3 ปี) ขอการ์ด 10 ปี พอเข้าปีที่ 4 สามารถดำเนินเรื่องขอสัญชาติได้ มีการทดสอบภาษา Niveau B1 หรือระดับ B1
-ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส 5 ปี เช่น ผู้อพยพ

หลังจากอบรมเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้านค่ะ ส่วนหน้าตาใบประกาศฯ Attestation de formation civique ตามรูปค่ะ เป็นแผ่นสีฟ้าอ่อน





Monday, February 2, 2015

C'est la Chandeleur - le jour des crêpes

Bonjour à tous! สวัสดีทุกคนค่ะ
วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558  Aujourd'hui nous sommes le lundi 2 février 2015.
และวันนี้เป็นวัน Chandeleur  ค่ะ Et aujourd'hui c'est la Chandeleur. เป็นวันเครป หรือ le jour des crêpes คือ จะทำเครปทานกันในวันนี้ค่ะ เป็นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ หรือภาษาอังกฤษ เรียกว่า Candlemas หรือวันเสกเทียน เป็นวันที่คริสเตียนทั้งหลายฉลองและรำลึกถึงพระแม่มารีและพระเยซู และเป็นการฉลองความสว่าง เนื่องจากพระเยซูเปรียบเสมือนแสงสว่างแห่งโลก

ในฝรั่งเศสเราจะเรียกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า La Chandeleur, Fête de la Lumière (ไม่ใช่งาน Fête des Lumières ที่ Lyon เป็นงานแสงสีซึ่งมักจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม), Jour des crêpes

คำว่า "Chandeleur" มาจากภาษาละติน "candelorum festum" หรือเทศกาลแห่งเทียน






นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าถ้าทำเครป ถือเหรียญ 1 อันไว้ในมือที่ใช้ทอดเครป  และพลิกเครปแบบโยนเครปขึ้นกลางอากาศ (แบบที่เชฟทำกัน) และรับเครปแผ่นนั้นด้วยกระทะใบเดิมได้โดยไม่ตกหล่นลงพื้น ครอบครัวจะมีแต่ความสุข ความเจริญ ตลอดทั้งปีค่ะ



เครปที่นี่ก็มี 2 แบบ คือ แบบหวาน เรียกว่า les crêpes sucrées มักทานกับชอคโกแลต  Nutella ไอศครีมหรือผลไม้ตามชอบ และแบบเค็ม เรียกว่า les crêpes salées ทานใส่แฮม ชีส ไข่ ถ้าแบบบ้านเราก็ แฮม ไข่ หมูหยอง น้ำพริกเผา
ลุงทำแผ่นเครปให้มาดามไว้ มาดามก็จัดการตอกไข่ ใส่แฮม พริกไทย แมกกี้ ซอสพริก ขาดนำ้พริกเผา ไม่งั้นได้ฟินกว่านี้ อิอิ