ในทริปนี้ เริ่มจากการจองวันและเวลาในการยื่นขอทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ของน้องก่อนเลย เพราะจุดประสงค์หลักในทริปนี้ คือ พาน้องไปทำหนังสือเดินทางใหม่ มาดามอาสาพาไปเอง และก็จะไปทำธุระเรื่องเอกสารของตัวเองด้วย (สรุป คือ จะไปทำธุระที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส) เมื่อเลือกวันและเวลาได้แล้ว ก็ทำการจองเลย สามารถอ่านขั้นตอนในการจองคิวออนไลน์เพื่อทำหนังสือเดินทางได้ที่นี่ https://chezbeameiz.blogspot.com/2018/12/blog-post.html
พอได้วันและเวลาแล้ว ขั้นต่อไปก็ไปจองที่พัก ครั้งนี้ได้ที่พัก 1 คืน ที่ Hôtel Choiseul Opéra จองผ่าน booking.com เช่นเคย และก็เลือก 9e arrondissement เหมือนเดิม เพราะเคยชิน พอจำเส้นทางได้ ครั้งนี้ได้ราคาถูก คือ คืนละ 99€ แถมได้เตียงคู่ หรือ lits jumeaux หรือ twin bed แต่ถ้าคำว่า lit double คือ double bed เตียงใหญ่ สำหรับนอนสองคนค่ะ (ห้องใหญ่กว่า แถมเดินใกล้กว่า ใกล้สถานี Opéra มาก)
ข้อแนะนำ จะไม่จองที่พักพร้อมอาหารเช้า เพราะสามารถเข้าร้าน Boulangerie แล้วซื้อพวก petit pain และ viennoise มากินเอง แถมประหยัดตังค์กว่า
เมื่อได้ห้องแล้ว ก็ต้องจองตั๋วรถไฟค่ะ จองผ่าน OUI SNCF เช่นเคย ครั้งนี้ดูเวลาไปผิด เลยตกรถไฟ ต้องซื้อตั๋วใหม่ จากที่ว่าประหยัด เลยเจอตั๋วราคาเบิ้ลไปเลย เนื่องจากซื้อตั๋วถูกของ OUI SNCF ถ้าเลยเวลาแล้ว หรือรถไฟออกไปแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนตั๋วได้ ต้องซื้อตั๋วใหม่อย่างเดียว ถ้าไปติดต่อซื้อที่เคาน์เตอร์ SNCF ที่สถานีรถไฟ เขาจะขายราคาเต็ม ถ้าต้องการตั๋วถูก ต้องซื้อผ่านเว็บ OUI SNCF https://www.oui.sncf/ หรือซื้อผ่านแอพของ OUI SNCF เท่านั้น
อุทาหรณ์ ก่อนเดินทางต้องเช็ควัน เวลา ตั๋วรถไฟให้ดี อย่าสับสันค่ะ ไม่งั้นจากจ่ายถูก เลยกลายเป็นแพงแบบไม่ใช่เรื่อง
การเดินทางในครั้งนี้ มาดามเครียดมาก เพราะทำน้องตกรถไฟ เป็นความผิดของมาดามเองที่ไม่เช็คก่อนวันเดินทาง ในหัวยังจำกำหนดการอันเก่า เลยจำว่าออกเดินทางบ่ายสาม แต่ในความเป็นจริงรถไฟออกบ่ายโมง ซึ่งในตอนนั้น มาดามยังอยู่บ้านอยู่เลย พอไปถึงสถานี ก็ต้องวนหาที่จอดรถ เพราะเป็นช่วงที่ตลาดคริสต์มาสในเมืองสตาสบูร์กเปิด จึงไม่มีที่จอดรถ วนกันไปสามสี่รอบ กว่าจะมีสักที่ พอไปถึงก็ต้องรีบไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ เผื่อเปลี่ยนตั๋วได้ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้ จึงต้องออกมายืนจองผ่านแอพเอง แบบรีบเร่งและมือสั่น ระหว่างยืนรอเวลา เพื่อดูว่ารถไฟเที่ยวที่เราจะไปนี้ จะจอดที่ชานชาลา หรือ Voie ไหน ซึ่งจะขึ้นจอก่อนหน้ารถไฟออก ประมาณ 30-20 นาที มีเหตุการณ์ระทึกขวัญ คือ มีคนทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ในสถานีรถไฟ 2 จุด ซึ่งเป็นการก่อกวนแน่นอน เพราะถ้าคนลืม คงลืมแค่ใบเดียว นี่มีถึง 2 ใบ และทิ้งไว้คนละที่ เลยมีการกั้น ไม่ให้คนเข้าออก มาดามและน้องต้องอพยพเข้าไปข้างใน โดยไม่รู้ชะตากรรม แถมไม่รู้ว่าต้องไปชานชาลาไหน พอเจ้าหน้าที่มาไล่ มาดามเลยพาน้องขึ้นไปที่ชานชาลา 3 เพราะครั้งก่อนมาดามก็ขึ้นที่ชานชาลา 3 โชคดีไปที่เจ้าหน้าที่ประกาสว่ารถไฟไปปารีสให้ไปขึ้นที่ชานชาลา 3
พอถึง Gare de l'EST ก็ตรงดิ่งไปขึ้นเมโทรสาย 7 เลย แต่ต้องซื้อตั๋วเมโทรก่อน มาดามก็เลือกไปเลือกมาว่าถ้าซื้อตั๋ววันเดียว กับสองวัน อันไหนจะคุ้มกว่ากัน สรุปว่าซื้อตั๋วสองวันค่ะ ราคาถูกลงมาหน่อย ครั้งนี้ซื้อที่ตู้ หรือ la machine เอง เลยไม่ได้แผนที่ จริง ๆ แล้ว เวลาซื้อตั๋ววัน ควรเขียนชื่อนามสกุลไว้บนตั๋วด้วย เผื่อทำหล่นหาย และควรเก็บใบเสร็จในการซื้อตั๋วไว้ด้วย เพราะบางครั้ง ตั๋วเราเยินมาก เวลาหยอดเครื่องเพื่อเดินเข้าไปในสถานี ตั๋วใส่ไม่ได้ หรือ ตั๋วเข้าไป แต่ไม่ออกมา ทั้งที่เราซื้อตั๋วสองวัน มาดามเลยไปแจ้งเจ้าหน้าที่ในเคาน์เตอร์ พร้อมยื่นใบเสร็จให้ดูค่ะ เขาเลยเปิดประตูให้ผ่านเข้าไปได้
ทริปนี้ มาดามดั้นด้นพาน้องไปกินมื้อค่ำที่ร้านอาหารไทย ชื่อ ร้านไทยยิ้ม 2 Thai Yim 2 อยู่เขต 13 หรือ 13e arrondissement มาดามไม่เคยไป เลยต้องถามทางให้วุ่นค่ะ เดินผ่านไปผ่านมา เกือบไม่ได้กินแล้ว ขอบอกว่าคุ้มค่ามาก อาหารอร่อย รสชาติจัดจ้าน สั่งตำถาดไป ราคา 16€ เศษ เผ็ดจนร้องไห้ เพราะดันไปสั่งว่าเอาเผ็ด ๆ
วันรุ่งขึ้น เช็คเอ้าท์ออกแต่เช้า มาดามจะไปรับรองเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศ ที่
มาดามอยากจะแนะนำว่า ถ้าสะใภ้ฯ คนไหนใช้ iphone เราสามารถเก็บใบจองและตั๋วใน Wallet มาดามจะเก็ใบจองโรงแรมที่จองผ่าน booking.com เวลาเราไปถึงโรงแรมก็โชว์ให้ reception ดูได้เลยค่ะ รวมถึงตั๋วรถไฟ TGV และตั๋วเครื่องบินของสายการบินไทย
ค่าเสียหายสำหรับการเดินทางไปทำธุระ (ไม่รวมค่าอาหาร) มีดังนี้
- ค่า TGV สำหรับ 2 คน : ขาไป 90€ (ตั๋วซื้อทิ้งเปล่า เพราะตกรถไฟ) + ขาไป ซื้อใหม่ 202€ + ขากลับ 138€ = 430€
- ค่าที่พัก 1 คืน ราคา 99€
- ค่าเมโทร 2 วัน สำหรับ 2 คน ราคา 39€