Friday, October 9, 2015

Apprendre le français: Les sujets

เมื่อวานซืนมาดามก็ร่อน CV ไปสมัครงาน แล้วก็มีคนโทรกลับมา แต่มาดามไม่ได้รับสาย เมื่อวานเย็นเลยโทรกลับไป สรูปก็ไม่ได้งาน เพราะพูดฝรั่งเศสไม่คล่อง แถมไม่ได้จบในประเทศฝรั่งเศสอีก จึงไม่สามารถทำงานเป็น Formatrice ได้ มาดามรู้สึก blue คือ เศร้า เสียใจ ทำไมจึงหางานยากมากขนาดนี้ แถมฝรั่งเศสก็ยังง่อย แต่ก็ต้องสู้ต่อไป ห้ามท้อ ถ้านึกย้อนไปถึงวันแรกที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ภาษาฝรั่งเศสนี่แย่กว่าตอนนี้อีก อาจจะจริงอย่างที่คนอื่นเค้าพูดว่า อยู่ๆไปก็พูดได้เองล่ะ แน่นอนเปิดทีวีดูข่าวเกือบทั้งวัน จากที่ไม่รู้เรื่องเลย ตอนนี้ขยับมาอีกก้าวฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง 555

เข้าเรื่อง วันนี้มาดามจะมาพูดเรื่อง Les sujets หรือประธาน ซึ่งสำคัญมากต่อการเขียนประโยคต่าง ๆ ในภาษาฝรั่งเศส  
ประธาน คือ บุุคคลผู้กระทำ หรือ สัตว์ สิ่งของ เป็นผู้กระทำกริยาในประโยค

จริง ๆ แล้วประธานในภาษาฝรั่งเศสมีหลากหลาย แต่ที่เห็นใช้กันบ่อย ใช้กันทุกวัน นี่ก็ต้อง Les pronoms personnels sujets เลย บ้านเราก็เรียกว่า ประธานสรรพนามบุคคล ซึ่งมาดามขอพูดเรื่องนี้ก่อน เพราะง่ายสุด และใช้บ่อยสุด แถมงงน้อยที่สุด

สรรพนามบุคคลเป็นประธานในประโยค หรือ Les pronoms personnels sujets 


 
Je
I
ฉัน
ผู้พูดเอง
1er personne singulier
สรรพนามบุคคลที่ 1 เอกพจน์
Tu
You
เธอ
ใช้กับเพื่อน คนที่อายุใกล้กัน หรือเด็กกว่า
ผู้ที่พูดด้วย
2e personne singulier
สรรพนามบุคคลที่ 2 เอกพจน์
Il
He
เขาผู้ชาย
ผู้ที่เราพูดถึง
3e personne singulier
สรรพนามบุคคลที่ 3 เอกพจน์
Elle
She
เขาผู้หญิง
ผู้ที่เราพูดถึง
3e personne singulier
สรรพนามบุคคลที่ 3 เอกพจน์
On
We
เรา
3e personne singulier
สรรพนามบุคคลที่ 3 เอกพจน์
Nous
We
เรา
ผู้พูดและผู้ที่พูดด้วย
2e personne pluriel
สรรพนามบุคคลที่ 2 พหูพจน์
Vous
You
คุณ
ใช้กับคนที่อายุมากกว่า
ใช้เรียกแบบสุภาพ
ผู้ที่พูดด้วย
2e personne singulier et
pluriel
สรรพนามบุคคลที่ 2 เอกพจน์และพหูพจน์
Ils
They
เขาผู้ชายทั้งหลาย
ผู้ที่เราพูดถึง
3e personne pluriel
สรรพนามบุคคลที่ 3 พหูพจน์
Elles
They
เขาผู้หญิงทั้งหลาย
ผู้ที่เราพูดถึง
3e personne pluriel
สรรพนามบุคคลที่ 3 พหูพจน์
หมายเหตุ  1. ข้อแตกต่างระหว่างการใช้ Tu และ Vous คือ Tu เป็นการเรียกเพื่อน หรือ คนที่อายุน้อยกว่า ส่วน Vous จะใช้ในการเรียกแบบทางการ สุภาพ และคนที่มีอายุมากกว่า จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งแยกความอาวุโสในภาษาฝรั่งเศส
               2. On เป็นการใช้กล่าวแบบทั่วๆ ไป หมายถึง คนเราทั่ว ๆ ไป หรือ กลุ่มคนที่ไม่ได้ระบุเพศ จำนวนอย่างชัดเจน ในกรณีนี้ On สามารถแทนด้วย Tout le monde  หมายถึง ทุกคน หรือใช้แทน L’homme , les gens ผู้คน เช่น
-Quand on est enrhumé, on est fatigué.
-On pense que la terre est ronde. มนุษย์เราเชื่อว่าโลกกลม
นอกจากนี้ On ยังใช้แทน Nous ที่หมายถึง เรา เพียงแค่การใช้ On จะต้องใช้กริยาเอกพจน์สำหรับ สรรพนาม บุรุษที่ 3 เช่น
-Mon mari et moi, on est enrhumés. สามีของฉันและตัวฉันเอง เราเป็นหวัด (enrhumés เติม s เพราะในประโยคนี้ on แทนด้วย Mon mari et moi ซึ่งเป็น Nous แต่ On ต้องใช้กับกริยาที่ผันกับสรรพนามบุคคลบุรุษที่ 3 เท่านั้น)
-On ira au cinéma = Nous irons au cinéma.(เราจะไปดูหนัง)
แต่ต้องระวังการใช้ใน les temps composés สำหรับกรณีที่ On ใช้แทน Nous คือ ต้องทำการ accord กับเมื่อใช้ V.être+participe passé (p.p.) จะต้องเติม s ให้ p.p. ด้วย เพราะเป็นพหูพจน์  เช่น On est allés au cinéma = Nous sommes allés au cinéma.
                    3. ถ้าในประโยคมีผู้ชายแค่หนึ่งคน นอกนั้นเป็นผู้หญิง จะต้องใช้ Ils เนื่องจากภาษาฝรั่งเศสใช้หลักผู้ชายเป็นใหญ่ เช่น
                    Annie, Mary, Jane et Tom aiment manger du chocholat.
                    Annie, Mary, Jane เป็นผู้หญิง
                    Tom เป็นผู้ชาย
                    ใช้ Ils >> Ils aiment manger du chocolat.
                    แต่ถ้าไม่มี Tom จะเป็นหญิงล้วน ใช้ Elles แทน
                    4. Je ถ้าอยู่หน้ากริยาที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ ต้องลดรูปเป็น J’ เช่น J’ai (V. avoir), J’habite (V. habiter) ตามหลักสระชนสระ ต้องลดรูป
ยกเว้น Tu จะไม่ลดรูปในการเขียน แต่ในภาษาพูดสามารถลดรูปได้ เช่น T’as faim.
5. Vous สามารถใช้เป็นสรรพนามบุคคลที่ 2 เอกพจน์และพหูพจน์ได้ คือ ใช้เรียก “คุณ” แบบทางการ สุภาพ หรือเรียกผู้ที่อาวุโสกว่า อาจจะเรียกคนเดียว (เอกพจน์) หรือมากกว่า 1 คน กลุ่มคน (พหูพจน์) เช่น
-Madame, êtes-vous satisfaite de nos services? ไม่ทราบว่าคุณพอใจในบริการของเราหรือไม่
Vous ในที่นี้ เป็นเอกพจน์ ดูจาก Madame และเป็นการเรียกแบบสุภาพ
-Vous êtes nos voisins. คุณเป็นเพื่อนบ้านของเรา (พหูพจน์ ดูจาก voisins)
-Vous êtes prêts? คุณพร้อมไหม? (พหูพจน์ ดูจาก prêts)



เราจะหาประธานในประโยคด้วยการ ถามว่า ใครเป็นผู้กระทำ ใครทำ Qui est-ce qui + verbe? หรือสิ่งไหนทำ Qu’est-ce qui + verbe?
Madame B mange du riz. มาดามบีทานข้าว
Qui est-ce qui mange du riz? ใครทานข้าว
คำตอบ คือ Madame B
ดังนั้น Madame B คือ ผู้กระทำกริยาทานข้าว mange ที่มาจาก V. manger  ผันตามประธานบุรุษที่ 3  ซึ่งเป็นประธานในประโยค

ข้อควรรู้   1) เวลาเขียนขึ้นต้นประโยคทุกครั้งต้องเขียนตัวอักษรตัวแรกเป็นตัวใหญ่เสมอ
             2) ตำแหน่งการวางประธานในประโยค ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตำแหน่งหน้าประโยค และอยู่หน้ากริยา แต่ในบางประโยคประธานไม่ได้วางไว้หน้ากริยา (วางหลังกริยา) เช่น
– ประโยคคำถาม เช่น Où vas-tu?
–ประโยคคำพูด  หรือ La proposition incise (เทียบเท่า direct speech ในภาษาอังกฤษ) พบมากเวลาอ่านนิยาย และมักจะใช้กับกริยาที่แปลว่า พูด V. dire, ตอบ V. répondre หรือ V. répliquer, พึมพำ V. murmurer กระซิบ V. chochoter, ร้องขอ V. demander หรือ V. implorer, ตะโกน V. crier เช่น Je ne suis pas d’accord, annonça Jean. 


ในภาษาฝรั่งเศสามารถใช้คำเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค (จริง ๆ มีเยอะกว่านี้ แต่ขอยกตัวอย่างแค่ 3 แบบ) เช่น
1.1          คำนาม หรือ กลุ่มคำนาม (un nom ou un groupe nominal)
-คำนามอาจเป็นชื่อเรียกเฉพาะ (บุคคล สถานที่) เช่น Jean, Vincent, Marie
-คำนาม (อย่าลืมว่าในภาษาฝรั่งเศสคำนามต้องมี l’article นำหน้าเสมอ) เช่น Les enfants, Les oiseaux, Les hommes
-กลุ่มคำนาม หรือ un groupe nominal เรียกย่อ ๆ ว่า GN คือ กลุ่มคำที่ประกอบด้วยคำนำหน้าคำนาม les articles คำนาม และมีคำคุณศัพท์ขยายคำนามด้วย เช่น Les beaux jours, Les belles femmes, Les animuax sauvages

1.2          Qui เป็น le pronom relatif ที่ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคหลัง เทียบเท่า who, which, that ในภาษาอังกฤษ หมายถึง ผู้ที่ ที่ซี่ง  Qui จะต้องผันตาม คำนามที่อยู่หน้าเสมอ
Mon amie qui habite à Bangkok.
La personne qui accueil les clients est absente.

1.3          Infinitif หรือ กริยาที่ไม่กระจาย เมื่อขึ้นต้นประโยคจะทำหน้าที่เสมือนคำนาม เช่น
Fumer peut nuire à votre santé. การสูบบุหรี่สามารถเป็นอันตรายแก่สุขภาพของคุณ
Partir en vacances plaît toujours. การไปเที่ยวในวันหยุดทำให้มีความสุขเสมอ

Bon courage à tous!
สักวันเราจะก้าวผ่านอุปสรรคด้านภาษาฝรั่งเศสไปได้ ถ้าเราตั้งใจ มีความมุ่งมั่น และหมั่นฝึกฝน ข้อสำคัญ อย่าคิดว่ามันยาก มันเป็นแค่ความท้าทาย ที่เราสามารถเอาชนะมันได้

 

No comments:

Post a Comment